ความเป็นมา


เลาะประวัติ “เวชพงศ์โอสถ”
การเดินทางอันยาวไกลจากเมืองจีน
สู่ธุรกิจที่เติบใหญ่ในไทยวันนี้



        เรื่องราวของเวชพงศ์โอสถเริ่มต้นขึ้นเมื่อกว่าหนึ่งศตวรรษก่อน
ด้วยเรื่องราวของ “อากง” หรือ “อิ้วเจีย
แซ่เอี้ยะ” (นามสกุลเดิม
ก่อนเปลี่ยนเป็น “เวชพงศา”) ชาวจีนโดยกำเนิดจากมณฑลฮกเกี้ยน
ที่ตัดสินใจอย่าง
เด็ดเดี่ยว ตอนอายุเพียง 12 ปีด้วยการเลือกเดิน
ออกจากความเป็นอยู่ที่อัตคัดในบ้านเกิด เดินทางรอนแรมตาม
อากู๋
(น้องชายของแม่) มาเมืองไทยโดยนั่งเรือจากบ้านเกิดที่ฮกเกี้ยนมายัง
กวางตุ้ง แล้วนั่งเรืออีกสองวันสองคืน
เพื่อไปยังท่าเรือใหญ่ที่ซัวเถา
จากนั้นจึงขึ้นเรือต่ออีกนานถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนก่อนจะมาถึงเมืองไทย

        แน่นอนว่าด้วยความเป็นเด็กอายุ 12 ปีที่ไม่มีความรู้ติดตัวมากนัก
ประกอบกับไม่รู้ภาษาไทย อากงจึงทำงาน
อะไรไม่ได้มากไปกว่า
งานกุลีที่อากู๋ฝากงานให้ อากงเริ่มต้นทำงานเป็นลูกจ้างตีเหล็กด้วย
เงินเดือนเพียง 3 บาท
ทำอยู่ได้หนึ่งปีอากู๋ก็ลากลับเมืองจีน ทำให้
อากงต้องสู้ชีวิตต่อเพียงลำพัง ทั้งทำงานเก็บเงินและส่งเงินกลับ
เมืองจีน
ไปให้พ่อ ความสู้ชีวิตสุดหัวใจของอากงนำไปสู่ความมุ่งมั่น
ที่ทำให้อากงเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งซึ่งมากพอที่อากงจะเลิก
ทำอาชีพ
รับจ้าง แล้วหันมาเช่าที่ทำกินของตัวเอง โชคเข้าข้างที่อากงมีลูกค้า
เป็นเจ้านายในวังที่ว่าจ้างอากงให้เหมา
งานทำรางน้ำ


การต่อสู้ก่อนก้าวสู่การสร้างธุรกิจยาของ “อากง”
        หลังจากฐานะการเงินของอากงเริ่มดีขึ้น จึงเป็นโอกาสให้อากง
ลองจับธุรกิจหลายอย่าง ทั้งการลงทุนซื้อชา
มาเพื่อขายน้ำชาให้คนจีน
และการเปิดทรัสต์ (กิจการเงินกู้) จนกระทั่งมาถึงจุดเปลี่ยนเมื่อต้อง
เจ็บป่วยปางตาย
แล้วมีพระรูปหนึ่งเดินผ่านหน้าบ้านและนำยามา
รักษาอากงจนหายป่วย ทำให้อากงเกิดความคิดที่จะเปิดร้านยาเล็กๆ
ในชื่อ “ฮกอันตึ๊ง” เมื่ออายุได้ 30 ปี ร้านยาแห่งนี้เป็นเพียงร้านเล็กๆ
ที่จ้างคนบ้านเดียวกันจากเมืองจีนอีกหนึ่งคน
เป็นลูกจ้าง โดยเริ่มจาก
การขายทั้งยาไทยและยาจีน กิจการค่อยๆ ดำเนินไปได้ดีและเติบโต
ขึ้นตามลำดับ แม้ว่าจะ
ต้องผ่านวิกฤติในช่วงสงครามที่ทำให้อากง
เกือบล้มละลาย แต่อากงก็เอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งนั้นมา จนซื้อตึก
เป็น
ของตัวเองได้ ก่อนจะให้ “เจนกิจ” ลูกชายคนโตมารับช่วง
กิจการต่อ

        อากงสมรสกับอาม่า เท้นซี แซ่ย่อง หญิงสาวชาวจีนแคะจาก
มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ผู้เป็นกำลังสำคัญอยู่
หลังบ้านของอากง
ตลอดชั่วชีวิต โดยอากงและอาม่ามีบุตรธิดารวมทั้งหมด 14 คน


เมื่อลูกชายคนโตรับช่วงกิจการและขยายธุรกิจจนเติบใหญ่
        “เจนกิจ เวชพงศา” เป็นลูกชายคนโตของอากงซึ่งเกิดที่ประเทศ
ไทย แต่ถูกส่งไปเรียนในประเทศจีนเมื่ออายุ
ได้ 5 ปี ตามปณิธาน
ของอากงที่ต้องการให้ลูกหลานได้รู้จักประเทศบ้านเกิด ก่อนจะกลับ
มาเรียนต่อในประเทศไทย
แล้วเริ่มเรียนรู้ด้านแพทย์แผนจีนและ
แผนไทยด้วยตัวเอง หลังจากนั้น เจนกิจก็ได้เริ่มต้นทำงานที่ร้านยา
เวชพงศ์เมื่อ
อายุได้ 16 ปี ในปี พ.ศ.2483 ก่อนจะรับช่วงกิจการต่อ
จากอากงอย่างเต็มตัวในปีพ.ศ.2490
        ด้วยความที่เป็นคนใฝ่รู้ กว้างขวาง รู้จักคนมาก ฉลาด และ
เรียนรู้เร็ว ทำให้เจนกิจสามารถขยายกิจการได้
รุดหน้า โดยผลงาน
ที่สำคัญคือการบุกเบิกธุรกิจนำเข้ายาจีนกับประเทศจีน โดยร่วมเป็น
ตัวแทนคณะจากประเทศไทย
ตั้งแต่ปี พ.ศ.2515 เพื่อเข้าเจรจา
ความสัมพันธ์ไทย-จีนเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีหลังจากที่ประเทศจีน
ปิดประเทศ
และความสัมพันธ์กับนานาชาติ โดยในขณะนั้นเจนกิจ
ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมจีน นายกสมาคมแพทย์แผนไทย
และ
นายกสมาคมองค์การอาหารและยา ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างดี
จากรัฐบาลจีน ยังผลให้เกิดความสัมพันธ์อย่าง
เป็นทางการในปี
พ.ศ. 2518 เจนกิจถือเป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับใบอนุญาตนำเข้า
ยาจีน รวมทั้งลิขสิทธิ์ยาจีนชั้นนำ
กว่า 30 ชนิดจากรัฐบาลจีน โดย
เขายังมีโอกาสได้ร่วมออกงานแฟร์อุตสาหกรรมยาจีนในกวางโจว
ประเทศจีนมา
โดยตลอด
        ความเป็นคนที่รู้จักปรับตัวเร็ว รู้จักใช้คนได้เก่ง รักพี่รักน้อง
และมองการณ์ไกลของเจนกิจ จึงเป็นเหตุผลให้
เวชพงศ์โอสถในยุค
ของคนตระกูลเวชพงศารุ่นที่ 2 ที่นำโดยเจนกิจ เจริญก้าวหน้าไป
อย่างรวดเร็ว โดยนอกจากธุรกิจ
ยาจีนซึ่งเป็นธุรกิจหลักแล้ว เจนกิจ
ยังแตกธุรกิจของเวชพงศ์ให้มีความหลากหลายและครอบคลุม
อุตสาหกรรมอื่นๆ
ด้วย อาทิ อุตสาหกรรมสินแร่จากการลงทุนใน
บริษัทไทยสินพัฒนาร่วมกับนักลงทุนจากไต้หวัน อุตสาหกรรมสื่อ
วิทยุ
หลังจากเข้าประมูลสัมปทานสถานีสวนมิสกวัน อุตสาหกรรม
น้ำผึ้งโดยการก่อตั้งน้ำผึ้งเวชพงศ์ รวมถึงการร่วมทุนกับ
บริษัท
เป่ยจินถงเยิ๋นถัง ผู้จัดหายาและยาสมุนไพรสำหรับราชวงศ์จาก
ประเทศจีน ด้วยความเชี่ยวชาญกว่า 300 ปี
เพื่อเปิดเป็นร้านยาจีน
แผนโบราณที่คงตำรับยาของบรรพบุรุษ ทว่านำวิธีการแบบสมัยใหม่
เข้ามาใช้ในการดำเนินงาน
ทั้งการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เข้าถึงง่ายขึ้น
ตลอดจนการออกแบบตัวร้านที่สะอาด สะดวกสบาย และมีความทันสมัย

โดนใจลูกค้ารุ่นใหม่


เติบโตอย่างมั่นคงจากรุ่นสู่รุ่นด้วยคำสอนของ “อากง”
        ต่อเนื่องจากการบริหารงานของเจนกิจ “อภิญญา เวชพงศา”
น้องสาวของเจนกิจและทายาทรุ่นที่ 2 ของอากง
เช่นกัน ได้เข้า
มาสานต่องานที่พ่อและพี่ชายได้ทำเอาไว้ และขยายธุรกิจของ
เวชพงศ์โอสถให้เติบใหญ่อย่างมั่นคง
ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนา
ผลิตภัณฑ์ ทั้งยาสมุนไพรจีน และยาสมุนไพรไทย การปรับปรุง
ร้านเวชพงศ์โอสถที่สี่แยกวัดตึก
เยาวราช ให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น
การพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ๆ ที่เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น
ทั้งการรุกเปิดสาขา
ภายในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล และการพัฒนา
ช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์ พร้อมทั้งดำเนินการศึกษาและ
วิจัย
ทั้งในเรื่องของผลิตภัณฑ์และพฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อนำเสนอ
ผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์ใหม่ๆ ที่ตอบรับความต้องการ
ของผู้บริโภค
ได้อย่างดีที่สุด อาทิ การสร้างสรรค์ยาจีนต้มบรรจุถุงพร้อมดื่มที่ชง
กับน้ำร้อนแล้วดื่มได้ทันที เพิ่มความ
สะดวกสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์
ของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีการร่วมทุนกับฮันโนะ
ประเทศญี่ปุ่น
เพื่อเปิด “ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ฮันโนะ-เวชพงศ์” ดูแล
ผู้สูงอายุด้วยความเชี่ยวชาญด้านการดูแลผู้มีภาวะสมองเสื่อม

        ทั้งนี้ แม้ว่าธุรกิจของเวชพงศ์โอสถจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตามลำดับ ทว่าอุดมการณ์ดั้งเดิมในการทำงาน
ที่อากงได้วาง
รากฐานเอาไว้นั้น ยังคงได้รับการสืบสานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ
ในเรื่องของความกตัญญู ความขยัน
หมั่นเพียรและความซื่อสัตย์
ซึ่งด้วยรากฐานที่อากงได้วางเอาไว้ดังกล่าวนี้เอง ที่กลายมาเป็น
เจตนารมณ์ในการยก
ระดับสุขภาพและคุณภาพชีวิตของคนไทย
เพื่อให้เวชพงศ์โอสถเป็นผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์และการบริการ
เพื่อสุขภาพ
แบบครบวงจรที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้บริโภค
มีสุขภาพที่ดีขึ้นทุกวันตลอดช่วงชีวิต


facebook youtube instagram facebook youtube instagram telephone